สตีเฟ่น เคอร์รี่ ชัยชนะที่ได้มาด้วยความพยายามในทุกวัน
ชัยชนะไม่เคยได้มาด้วยการขอร้อง แต่ต้องลงมือทำแล้วทำอีกจนประสบผลสำเร็จ นี่คือคำจำกัดความได้ดีที่สุดถึง “สตีเฟ่น เคอร์รี่” สุดยอดพอยด์การ์ดแห่งยุคผู้คว้าแชมป์บาสเก็ตบอล NBA ถึง 3 สมัย รวมทั้งเป็นเจ้าของตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีอีก 2 ครั้ง ทั้งที่เขาเคยถูกปฏิเสธจากทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านบาสเก็ตบอล เพียงเพราะมีรูปร่างที่เล็กเกินไป
สตีเฟ่น เคอร์รี่ ลูกชายของอดีตนักบาสเก็ตบอลชื่อดังอย่าง เดลล์ เคอร์รี่ ทำให้เขาผูกพันกับบาสเก็ตบอลตั้งแต่ยังเล็กโดยมีคุณพ่อเป็นโค้ชประจำตัว แม้ในช่วงมัธยมเคอร์รี่จะมีฝีมือเหนือกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ด้วยขนาดตัวที่เล็กทำให้เคอร์รี่ไม่สามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านบาสเก็ตบอลได้ จนต้องเลือกมหาวิทยาลัยเดวิสันที่แทบไม่มีชื่อเสียงด้านบาสเก็ตบอลเลย แต่นี่กลับเป็นผลดีสำหรับเขาในการพิสูจน์ตัวเอง เคอร์รี่ฝึกซ้อมอย่างหนักจนฝีมือพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนพาทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในการแข่งขันระดับประเทศด้วยฝีมือการชู้ตอย่างแม่นยำ ช่วงที่เล่นให้กับมหาวิทยาลัยเดวินสันเขาทำแต้มไปถึง 2,635 คะแนน โดยมาจากลูกยิงสามแต้มถึง 414 คะแนน ก่อนจะก้าวเข้าสู่ระดับอาชีพเต็มตัวด้วยการถูกดราฟท์เข้าทีมโกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ ในปี 2009
เพียงปีแรกในศึก NBA เคอร์รี่ก็สามารถคว้าตำแหน่งรองดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี ด้วยผลงานเฉลี่ย 17.5 คะแนนต่อเกม จนกระทั้งในปี 2012 ทีมสะพานทองได้สร้างทีมที่มีเคอร์รี่เป็นศูนย์กลาง โดยได้เคลย์ ธอมป์สัน และเดรย์มอน กรีน เป็น 2 กำลังหลักที่มาจากการดราฟท์ แม้จะยังไปไม่ถึงแชมป์แต่เคอร์รี่ก็สร้างสถิติที่สุดมหัศจรรย์ด้วยการทำ 54 แต้มในเกมเดียว รวมทั้งยิงสามแต้มลงไปถึง 272 ครั้งมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล ก่อนที่ในปี 2014 เคอร์รี่จะกลายเป็นนักบาสที่ยิงสามแต้มครบ 1,000 คะแนนได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA ด้วยสถิติ 369 เกม แถมยังพาทีมโกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์คว้าแชมป์ NBA ได้สำเร็จในรอบ 40 ปี ยิ่งเมื่อได้เดวิน ดูแรนท์ มาแบ่งเบาภาระการทำแต้มของเคอร์รี่ ทีมสะพานทองก็คว้าแชมป์ NBA เพิ่มได้อีก 2 สมัยซ้อน
จุดเด่นของเคอร์รี่คือการเป็นมือชู้ตสามแต้มที่ยิงได้จากทุกมุมของสนาม โดยมีสถิติยิงลงสูงถึง 54 เปอร์เซ็นต์ แถมยังมีจังหวะการยิงที่รวดเร็วจนคู่ต่อสู้บล็อกไม่ทัน เนื่องมาจากการปล่อยบอลออกจากมือในจังหวะที่กำลังลอยตัวสูงสุด ทำให้เขาใช้เวลายิงเพียง 0.33 วินาที ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของผู้เล่นคนอื่นอยู่ที่ 0.54 วินาที ทั้งนี้ความแม่นยำที่เกิดขึ้นมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักในทุก ๆ วัน โดยไม่มีวันไหนที่เขาก็ขาดจากการฝึกซ้อม แม้แต่ช่วงเวลาปิดฤดูกาลระหว่างเดินทางไปโชว์ตัวตามประเทศต่าง ๆ เคอร์รี่ก็ยังตื่นมาเหมือนเช่นเคย
แม้จะมีพรสวรรค์ติดตัวมาจากผู้เป็นพ่อ แต่เพราะการซ้อมอย่างหนักในทุกวันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อใช้ความแม่นยำในการทำแต้มมาทดแทนส่วนสูงที่ขาดหายไป ทำให้ร่างกายสามารถจดจำการเซตท่ายิงที่สมบูรณ์แบบได้ เมื่อลงสนามเคอร์รี่จึงกลายเป็นมือชู้ตระยะไกลที่โหดที่สุดของ NBA ซึ่งความแม่นยำนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ