น่าทึ่งความคิดเด็ก ม.2 กับความคิดที่ว่า “หากขอก็ต้องขอไปจนตาย”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีกระแสจากโลกโซเชียลเกี่ยวกับน้องผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิพย์ ของานทำหลังเลิกเรียนไม่เกี่ยงอัตราค่าจ้าง เท่าไรก็รับได้ ให้ทำอะไรได้หมด เพราะต้องหาเงินเลี้ยงดูน้องอีกหนึ่งคน ส่วนพ่อก็ทิ้งไปหาตัวไม่เจอ แม่ก็มาเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา หลังจากที่น้องโพสต์เรื่องราว ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศก็หลั่งไหลเข้ามาให้กำลัง และพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ทั้งบริจาคเงิน ปัจจัยสิ่งของ หรือแม้กระทั่งขอรับน้องไปเลี้ยงดู ซึ่งฟังดูไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใช่ไหมละ เพราะกระทู้ประเภทนี้เกิดขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน
แต่ที่ทำให้น่าแปลกใจคือ เรื่องราวของน้องที่ถูกถ่ายทอดผ่านคุณครูผู้ดูแลกล่าวว่า ช่วงชีวิตอันน่าลำบากของน้อง น้องพยายามดิ้นรนหางานทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ หากใครจะให้เงินฟรี ๆ น้องไม่ขอรับ แต่น้องจะขอทำงานแลกเงินเสียมากกว่า เพราะน้องคิดอยู่เสมอว่า “ถ้าหากขอก็ต้องขอไปจนตาย” นี้ต่างหากที่เป็นจุดน่าสนใจของเรื่องนี้ อะไรที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเกิดความคิดเหล่านี้ในหัวสมอง การมีคนหยิบยื่นความสบายให้อย่างง่ายดาย แต่น้องคนนี้กลับไม่ยินดีที่จะยื่นมือไปรับมันมา คุณคิดว่าสิ่งนั้นคืออะไร
หากใครที่กำลังหาคำตอบว่า น้องกำลังคิดอะไรอยู่ คงไม่มีใครตอบได้ถูกต้องอย่างชัดเจนเท่ากับตัวของน้องเอง แต่ไม่ว่าน้องจะคิดอะไร ผลที่ออกมามันก็คือเรื่องราวดี ๆ ที่จะติดตัวน้องไปจนวันตาย สังคมได้มองเห็นแล้วว่าน้องคือคนดีที่แท้จริง การมีความอดทน ความพยายาม และความมุ่งมานะ คือพื้นฐานที่จะทำให้น้องก้าวเข้าสู่สังคมและมีชีวิตรอดในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผิดกับวัยรุ่นสมัยใหม่บางคนที่ทุกวันนี้ยังคงแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ และใช้อย่างฟุ่มเฟือย เพราะคิดอยู่เสมอว่าพ่อกับแม่จะสามารถหาเงินให้พวกเขาได้ไปตลอดชีวิต แต่พวกเขาลืมคิดถึงวันที่จะไม่มีพ่อแม่อยู่ให้แบมือขอเหมือนอย่างเช่นน้องคนนี้
หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว ขอให้ก้มสำรวจสถานะของตัวเอง ใครที่มีสถานะเป็นลูกให้ลองย้อนกลับไปดูว่าตั้งแต่เกิดมาในชีวิตคุณใช้เงินที่พ่อแม่หาเลี้ยงไปแล้วกี่บาท คุณเคยลองถามท่านสักคำไหมว่า ท่านเหนื่อยมากแค่ไหนกว่าจะหาเงินให้คุณใช้ได้ในแต่ละบาท แล้ววันที่คุณใช้เงินของท่าน คุณใช้มันอย่างคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อของท่านแล้วจริงหรือ
สำหรับใครที่มีสถานะของความเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ลองย้อนกลับไปถามตัวเองเช่นกันว่า วันนี้คุณได้สอนลูกให้เห็นคุณค่าของเงินมากแค่ไหน และผลผลิตที่ได้จากการใช้เงินในการเลี้ยงดูลูกตั้งแต่เล็กจนโตเป็นอย่างไร บางทีอาจจะทำให้คุณได้มองเห็นว่า แท้จริงแล้วตอนนี้ลูกของคุณกำลังเติบโตมาจากความรักหรือจำนวนธนบัตรที่คุณมอบให้กันแน่